เริ่มทานมังสวิรัติหรือทานเจ: แรงจูงใจและอิทธิพล
[This post has been translated from English to Thai. You can find the original post here. This translation was made possible with support from World Animal Protection courtesy of a grant from the Open Philanthropy Project.]
ความเป็นมาและความสำคัญ
เมื่อพูดถึงการทานอาหารมังสวิรัติและอาหารเจ (veg*nism) เหตุผลที่ผู้คนหันมารับประทานเป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงในการวิจัยมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองสัตว์ป่านั้นเป็นเรื่องธรรมดาๆ ในสหรัฐอเมริกา (Faunalytics ปี 2014) แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนกันกับประเทศอื่น ๆ (เช่น อินเดีย เวียดนาม เนเธอร์แลนด์) การวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีแรงจูงใจด้านจริยธรรมมักจะเป็น veg*nism นานกว่าผู้ที่มีแรงจูงใจด้านสุขภาพ (Faunalytics ปี 2014; Hoffman ปี 2013) ในการวิจัยนี้ เราสำรวจความสัมพันธ์ของแรงจูงใจที่แตกต่างกันว่ามีผลต่อความสำเร็จอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป เราคาดว่าการค้นพบเกี่ยวกับแรงจูงใจที่พบบ่อยที่สุดจะมีผลที่ออกมาเหมือนกัน และในทำนองเดียวกันผู้ที่มีแรงจูงใจในเรื่องการคุ้มครองสัตว์จะประสบความสำเร็จมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา
นอกเหนือจากแรงจูงใจเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถคำนึงถึงที่มาของแรงจูงใจได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนด้วยตนเอง หรือแรงจูงใจจากภายนอก งานวิจัยที่ผ่านมามุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมด้านสุขภาพ ได้แสดงให้เห็นว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะบรรลุและรักษาเป้าหมายที่พวกเขายอมรับด้วยเหตุผลที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง (โดยแท้จริง) มากกว่าเป้าหมายที่พวกเขานำมาใช้เพื่อทำให้ผู้อื่นพอใจ (Williams ปี 1996) ในการวิจัยนี้ เราคาดการณ์ว่าการเป็น veg*nism ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คนสองคนที่มีแรงจูงใจเหมือนกัน เช่น การคุ้มครองสัตว์ เราคาดว่าคนที่มีแรงจูงใจนั้นเป็นส่วนสำคัญในประสบความสำเร็จในเป้าหมายมากกว่าคนที่ต้องการทำเพื่อต้องการให้คนอื่นยอมรับ
แรงจูงใจทั่วไป เช่น ความกังวลด้านสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมเป็นเพียงวิธีหนึ่งในการคำนึงถึงเหตุผลในการเป็น veg*nism พื้นฐานของแรงจูงใจที่ชัดเจนเหล่านี้เป็นการวางแนวทางทางจิตวิทยาที่เรียกว่าเผ่าพันธุ์นิยม และความเชื่อที่ว่ามนุษย์มีค่ามากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ เผ่าพันธุ์นิยมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับ veg*nism ตัวอย่างเช่นงานวิจัยของ Caviola ปี (2018) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทานเจมีความเผ่าพันธุ์นิยมน้อยกว่าผู้ที่ไม่ทานเจ อย่างไรก็ตาม เราไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่มาก่อนว่าผู้คนเต็มใจที่จะเป็น veg*nism เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมหรือว่าการเป็น veg*nism จะทำให้พวกเขาเปิดรับแนวคิดเผ่าพันธุ์นิยมเพื่อที่พวกเขาจะมีความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป นี่จึงเป็นหนึ่งในคำถามที่เราได้สำรวจในการวิจัยนี้
สุดท้ายนี้ นอกเหนือจากเรื่องทั่วไปและเรื่องทางจิตวิทยาแล้ว เรายังจำเป็นต้องพิจารณาเหตุการณ์เฉพาะที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในการเป็น veg*nism ตั้งแต่การดูสารคดีเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานของสัตว์ไปจนถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดการบริโภคเนื้อสัตว์ นักวิจัยได้ศึกษาวิธีการที่หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อโน้มน้าวหรือเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้คนหันมาเป็น veg*nism ด้วยเหตุผลเฉพาะ (เช่น Mathur ปี 2021) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้รณรงค์เรื่องสัตว์ ซึ่งการระบุและสนับสนุนเหตุผลเหล่านั้นเป็นส่วนสำคัญของการรณรงค์ด้านอาหาร ในรายงานนี้ เราได้มีการพิจารณาว่าอิทธิพลเฉพาะเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จอย่างไร
ผู้เข้าร่วม
การวิจัยนี้ประกอบด้วยประชาชนทั่วไปที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 222 คนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งทุกคนเริ่มเปลี่ยนไปรับประทานอาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจภายในสองเดือนที่ผ่านมา
ส่วนระดับความมุ่งมั่นของรายงานฉบับแรกแสดงให้เห็นว่ามากกว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าพวกเขาอาจจะยอมรับหรือยอมรับการดำเนินการเปลี่ยนแปลงการทานอาหารใหม่ๆ อย่างถาวรแน่นอน ตัวอย่างนี้จึงควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นกลุ่มตัวอย่างของคนส่วนใหญ่ที่ก้าวผ่านความสนใจธรรมดาๆ หรือความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาพร้อมที่จะมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น veg*nism ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงจะได้รับการพิจารณาโดยละเอียดเพิ่มเติมในส่วนแรงจูงใจทั่วไปของข้อสรุป
การค้นพบที่สำคัญ
- แรงจูงใจที่ขับเคลื่อนตัวเองในการเป็น veg*nism สามารถเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังสู่ความสำเร็จ แรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองมาจากภายในบุคคล เช่น ค่านิยมส่วนตัวหรือเอกลักษณ์ทางศีลธรรม ในขณะที่แรงจูงใจภายนอกรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น ความรู้สึกกดดันจากผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จ ผู้ที่มีแรงจูงใจทั้งสองแหล่งมักจะประสบความสำเร็จมากที่สุด เช่น 70% ของผู้ที่มีแรงจูงใจทั้งจากแรงขับเคลื่อนตัวเองและจากภายนอกสูงในช่วงเริ่มต้นของการวิจัยได้บรรลุหรือเทานระดับเป้าหมาย การบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ภายในเดือนที่ 6 เทียบกับ 59% ของผู้เข้าร่วมทั้งหมด แม้ว่าสิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าแหล่งที่มาของแรงจูงใจทั้งสองสามารถขับเคลื่อนความสำเร็จได้ แต่การวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าแรงจูงใจภายนอกนั้นแย่กว่าสำหรับการรักษาเป้าหมายในระยะยาว ดังนั้น เราขอแนะนำให้เน้นย้ำแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเมื่อเป็นไปได้ ตามรายละเอียดในส่วนคำแนะนำด้านล่าง
- ผู้เข้าร่วมมีความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมน้อยลงหลังจากเป็น veg*nism และผู้ที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นในการบรรลุเป้าหมายการเป็น veg*nism จะรู้สึกได้ถึงการลดลงของแนวคิดเผ่าพันธุ์นิยมภายในตัวเองได้มาก ที่สุด ในช่วงหกเดือนแรกของการทานอาหารแบบ veg*nism ความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมของกลุ่มตัวอย่างลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมอาหาร ในขณะที่ผู้คนที่เป็น veg*nism มักจะมีแนวโน้มที่จะต่อต้านแนวคิดเผ่าพันธุ์นิยม เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรทั่วไปอยู่แล้ว โดยมีค่าเฉลี่ยเพียง 1.8 ในระดับ 1 ถึง 5 ค่าเฉลี่ยลดลงเหลือ 1.5 ในช่วงหกเดือนของการวิจัย
- การเปิดรับประสบการณ์การรณรงค์เรื่องสัตว์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความสำเร็จในการบริโภคของผู้คนในการรับประทานอาหารใหม่ของพวกเขา โดยไม่คำนึงสวัสดิภาพสัตว์เป็นแรงจูงใจหลักของพวกเขาหรือไม่ กล่าวคือ คนที่เคยเห็นสื่อหรือภาพของสัตว์เลี้ยงในฟาร์มที่ไม่รู้สึกพอใจ (42%) ดูสารคดี (36%) และ/หรือ ได้รับข้อมูลจากกลุ่มผู้รณรงค์เรื่องสัตว์ (21%) ต่างก็ทำได้ดีกว่าเมื่อไปถึงระดับเป้าหมายของการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในหกเดือนต่อมา แม้จะคำนึงถึงแรงจูงใจทั่วไปและระดับพื้นฐานของความสำเร็จของพวกเขา ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ได้รับข้อมูลจากคนดังหรืออินฟลูเอนเซอร์ (23%) มีแนวโน้มที่จะอยู่ไกลจากระดับเป้าหมายในการบริโภคมากกว่าคนที่ไม่ได้รับอิทธิพลเฉพาะอื่นๆ อาจมีความสำคัญเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นจุดสูงสุดในการวิจัยนี้
- การเรียนรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างสามารถเพิ่มความสำเร็จของการบริโภคได้เช่นกัน แต่บริบทที่มีสำคัญ ผู้คนประมาณครึ่งหนึ่ง (51%) ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการทารุณสัตว์ในฟาร์ม และเราพบว่าประสบการณ์นี้อาจลดความสำเร็จลงได้หากเป็นเพียงอิทธิพล แต่ความสัมพันธ์เชิงลบนั้นมักจะหายไปเมื่อได้รับประสบการณ์ร่วมกับอิทธิพลอื่นๆ ผู้คนมากกว่าสองในสาม (68%) ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพจากการทานอาหารจากพืชเป็นหลัก ซึ่งเราพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสำเร็จ แต่ประโยชน์นั้นมักจะหายไปหากพวกเขามีประสบการณ์ที่มีอิทธิพลอื่นๆด้วย ในทางตรงกันข้ามการเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพของสัตว์ในฟาร์ม (ซึ่งมี 31% ที่ได้เรียนรู้แล้ว) ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์เมื่อรวมกับอิทธิพลอื่นๆเพียงอย่างเดียวจะไม่ส่งผลต่อความสำเร็จได้อย่างชัดเจน
- โดยรวมแล้ว 42% ของการเปลี่ยนแปลงในการเป็น veg*nism ของผู้คน ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องของสุขภาพ 20% จากการคุ้มครองสัตว์ และ 18% จากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจทั่วไปเหล่านี้ไม่ได้มีผลใดๆ ต่อความสำเร็จในการควบคุมอาหารของพวกเขา เช่นเดียวกับการวิจัยครั้งก่อน แรงจูงใจด้านสุขภาพเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการเป็น veg*nism ในขณะที่การวิจัยของ Faunalytics ปี 2014 พบว่าคนที่มีแรงจูงใจเป็นเรื่องสุขภาพเพียงอย่างเดียวนั้นมักจะละทิ้งการควบคุมอาหาร การวิจัยในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าในขณะที่คนเหล่านั้นอาจได้ลองเป็น veg*nism อย่างไม่ผูกมัด ผู้ที่มุ่งมั่นนั้นมีโอกาสค่อนข้างต่ำที่จะละเลยโดยไม่คำนึงถึงแรงจูงใจหลักของพวกเขา
คำแนะนำ
- ส่งเสริมให้ผู้คนค้นหา และพัฒนาแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้มีความสำเร็จในการปฏิบัติในการควบคุมอาหารแบบ veg*nism แต่ยังมีความมุ่งมั่นในการควบคุมอาหาร และการวิจัยจากขอบเขตอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าหากมีเป้าหมายที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง จะมีแนวโน้มี่จะบรรลุเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะสามารถช่วยให้ผู้คนระบุค่านิยมส่วนบุคคลหรือศีลธรรมที่มีอยู่สอดคล้องกับเป้าหมาย พยายามหลีกเลี่ยงความคิดจากคนอื่นหรือเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่น
- ค่อย ๆ ส่งเสริมผู้ที่มีแรงจูงใจให้เป็น veg*nism ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมให้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์จากการกระทำที่มีต่อสัตว์ด้วย ประสบการณ์ที่สร้างความรู้สึกตามที่ได้อธิบายไว้ในการค้นพบที่สำคัญ #3 ข้างต้นอาจจะช่วยได้ และจัดวางกรอบเป็นแรงจูงใจเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้พวกเขายึดมั่นในเป้าหมายได้ สิ่งนี้สำคัญดังที่เราทราบได้จากการวิจัยของ Faunalytics ปี 2014 ที่หลายคนพยายามเลิกเป็น veg*nism การช่วยเหลือผู้คนให้คงไว้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอสนับสนุนจากผู้รณรงค์
- เมื่อรณรงค์ให้ผู้คนหันมาทานมังสวิรัติ การทานเจ หรือการลดการรับประทาน อย่าใช้แรงจูงใจด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ควรควบคู่ไปกับการคุ้มครองสัตว์ และ/หรือ ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพเป็นแรงจูงใจหลักที่พบบ่อยที่สุดของการเป็น veg*nism ดังนั้นการกล่าวถึงประโยชน์ต่อสุขภาพอาจกระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากหันมาลองเป็น veg*nism แต่ในขณะเดียวกัน แรงจูงใจด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวไม่เป็นผลดีต่อการควบคุมอาหารแบบ veg*nism ในระยะยาว ดังนั้นโปรดใช้ข้อความเหล่านี้ร่วมกับข้อมูลที่เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะเกิดกับสัตว์และสิ่งแวดล้อมและทำต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่พวกเขาเริ่มก้าวแรกในการเดินทางสู่การเป็น veg*nism การแนะนำให้พวกเขาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสื่อ การทำฟาร์มในโรงงาน สารคดี หรือสื่อรณรงค์เรื่องสัตว์อื่นๆ อาจจะทำให้เกิดประสิทธิภาพพิเศษ
รายงานอื่นๆ จากการวิจัยนี้
วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้คือเพื่อให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้แก่ผู้ที่รณรงค์เกี่ยวกับวิธีการช่วย veg*nism คนใหม่ๆ ให้ยังยอมรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเขา นี่เป็นรายงานฉบับที่สองในชุดของรายงานสามส่วนที่ออกมาจากการวิจัยนี้
- รายงานครั้งแรก เรามุ่งเน้นในระดับของความสำเร็จโดยรวมและอธิบายความหลากหลายของวิธีที่ผู้คนเปลี่ยนไปสู่ veg*nism
- รายงานฉบับที่ 3 ที่จะตีพิมพ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มุ่งเน้นไปที่คำถามสำคัญเกี่ยวกับประสิทธิผลของยุทธศาสตร์ต่างๆ ในการเอาชนะอุปสรรคในการคงดำรงไว้ซึ่งการเป็น veg*nism
โครงการนี้มีข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งทั้งหมดจะถูกโพสต์ลงบน Open Science Framework เมื่อเราวิเคราะห์และตีพิมพ์แล้วเสร็จ ในระหว่างนี้ หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการวิจัยเพิ่มเติมที่ต้องการให้เราพิจารณา โปรดติดต่อเราทางอีเมล [email protected]
ทีมวิจัยของเรา
ผู้เขียนโครงการคือ โจ แอนเดอร์สัน (Jo Anderson) (จาก Faunalytics) และ มารีน่า มิลียฟสคายา (Marina Milyavskaya) (จากมหาวิทยาลัย Carleton) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่และไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลและองค์กรต่างๆ
เรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับอาสาสมัครจาก Faunalytics เรนาตา ฮลาโววา (Renata Hlavová) เอริน กัลโลเวย์ (Erin Galloway) ซูซาน มาคารี่ (Susan Macary) และ ลินด์เซย์ เฟรเดอริค (Lindsay Frederick) สำหรับการสนับสนุนและความช่วยเหลือในงานนี้ เช่นเดียวกันมาร์ทา โคลบัสเซวสกา (Marta Kolbuszewska) เป็นนักเรียนจากมหาวิทยาลัย Carleton และผู้รณรงค์ด้านสัตว์หลายสิบคนที่ช่วยในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง นอกจากนี้เรายังรู้สึกขอบคุณ VegFund ผู้ประเมินการกุศลสำหรับสัตว์ และสภาวิจัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ (SSHRC) สำหรับการให้ทุนสนับสนุนการวิจัยครั้งนี้ สุดท้ายนี้ เราขอขอบคุณผู้ตอบแบบสำรวจทุกท่านที่สละเวลาและความพยายาม
วิธีการวิจัย
โครงการวิจัยนี้เน้นที่ประสบการณ์ของวีแกนและผู้ทานเจรายใหม่ (ในที่นี้จะเรียกรวมกันว่า veg*nisms เพื่อความสะดวก) ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ผู้เข้าร่วมต้องตอบแบบสำรวจเมื่อลงทะเบียนเข้าร่วม รวมทั้งแบบสำรวจติดตามผล 6 ชุดที่จะได้รับในทุกๆ เดือนในช่วงหกเดือนข้างหน้า
ข้อมูลของบุคคลที่เข้าร่วมการวิจัยนั้นเป็นตัวแทนของประชาชนทั่วไป แต่เรายังให้น้ำหนักผลลัพธ์เชิงบรรยายเพื่อให้ใกล้เคียงกับประชากรสหรัฐฯมากทีสุด สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการวิจัยสามารถดูได้ที่รายงานครั้งแรก
การเป็นตัวแทน การชั่งน้ำหนัก และการลดจำนวน
กลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิจัยครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 222 คน ซึ่งการวิเคราะห์กำลังก่อนการลงทะเบียนแสดงให้เห็นว่าเพียงพอที่จะตรวจพบผลกระทบที่มีนัยสำคัญในการวิเคราะห์ความถดถอยที่เราใช้ในการตรวจสอบคำถามหลักในการวิจัยของเรา แม้ว่ากลุ่มตัวอย่างนี้จะมีขนาดเล็กกว่าที่คุณอาจเคยเห็นในการวิจัยของ Faunalytics แต่โดยทั่วไปแล้วตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นมักใช้สำหรับการวิจัยที่มีเป้าหมายหลักประการหนึ่งคือการประมาณสถิติประชากร กลุ่มตัวอย่างประมาณ 1,000 คน แสดงความคลาดเคลื่อน 3.1% ในขณะที่การวิจัยปัจจุบันนี้มีความคลาดเคลื่อน 6.6% แม้ว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ดีนักถ้าหากการประเมินสถิติประชากรเป็นเป้าหมายหลักของเรา แต่ตัวอย่างที่เล็กกว่าก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคำถามหลักในการวิจัยของเรา ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบข้อความผิดพลาดได้ในส่วนคำแนะนำการวิจัยของเว็บไซต์ของเรา
เพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มตัวอย่างนี้เป็นตัวแทนของ veg*nisms รายใหม่มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ เราได้ดำเนินการตามแผนการเปรียบเทียบก่อนการจดทะเบียนโดยการเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ (n = 11,399) ของ veg*nisms จากการวิจัยของ Faunalytics ปี 2014 เรายินดีที่พบว่ากลุ่มตัวอย่างในปัจจุบันตรงกับกลุ่มประชากรส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดจำนวนตัวแทนสูงสุด เราจึงชั่งน้ำหนักผลลัพธ์เชิงพรรณนาให้ตรงกัน
โดยรวมแล้ว 65% ของผู้เข้าร่วมที่อยู่การวิจัยจนจบ เราตรวจสอบลักษณะของผู้ที่ออกจากการวิจัยและไม่พบหลักฐานของความแตกต่างที่มีนัยสำคัญระหว่างผู้ที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ (การลดจำนวนเชิงอนุพันธ์) การตรวจสอบนี้ได้รับการอธิบายในรายละเอียดในรายงานครั้งแรก
บทสรุป
แหล่งที่มาของแรงจูงใจ
นอกจากแรงจูงใจที่ผลักดันให้ผู้คนหันมาเป็น veg*nism แล้ว การที่รู้ว่าแรงจูงใจนั้นมาจากที่ใดนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน ในการวิจัยนี้ เราพบว่าทั้งแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองและแหล่งแรงจูงใจภายนอกเกี่ยวข้องกับการเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองมักจะดีกว่าสำหรับการบรรลุและรักษาเป้าหมาย (Williams ปี 1996) ดังนั้น หากผู้รณรงค์กำลังมองหาคำแนะนำระหว่างทั้งสองอย่าง เราขอแนะนำให้สนับสนุนผู้คนในการพัฒนาจากแรงจูงใจที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะช่วยให้ผู้คนระบุวิธีที่ทำให้เป้าหมายด้านการทานอาหารของพวกเขาให้สอดคล้องกับค่านิยมที่พวกเขามีอยู่ หรือมุมมองของพวกเขาที่มีต่อตัวเอง แม้ว่าในปัจจุบันจะมีคนไม่เต็มใจที่จะเริ่มทานเจหรือเป็นทานมังสวิรัติก็ตาม การช่วยให้พวกเขาเห็นความสอดคล้องระหว่างการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์กับเป้าหมาย หรือเอกลักษณ์เหล่านั้นอาจช่วยให้พวกเขากลายเป็นคนที่มีความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมน้อยลงและทำให้การลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ลดลงในอนาคต
แรงจูงใจภายนอก เช่น การเป็น veg*nism เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ทางกายภาพ หรือเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่นยังคงเกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการบริโภค ดังนั้น คุณจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงพวกเขา อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แรงจูงใจภายนอกอาจจะมีประโยชน์น้อยกว่าในการบรรลุและรักษาเป้าหมาย (Williams ปี 1996) เป็นเรื่องง่ายมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะเห็นว่ากรณีนี้จะนำไปสู่เป้าหมาย เช่น การลดน้ำหนักตามรูปลักษณ์ได้อย่างไร โดยที่ veg*nism เป็นเพียงหนทางไปสู่ความสำเร็จและทดแทนด้วยอาหารหรือวิธีการอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน หากไม่มีเหตุผลที่จะผลักดันตัวเองในการติดตามผลการเป็น veg*nism ก็ง่ายกว่าที่จะละทิ้งเพื่อให้เกิดกลยุทธ์การแข่งขัน
แนวคิดเผ่าพันธุ์นิยมและการขยายแนวคิดทางด้านศีลธรรม
ในกลุ่มตัวอย่างของคนที่มุ่งมั่นในการที่จะเป็น veg*nism ระดับของเผ่าพันธุ์นิยมในช่วงแรกจะต่ำมากอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรทั่วไป และจะลดลงในช่วงหกเดือนแรกของการเปลี่ยนไปใช้วิธีการควบคุมอาหารแบบใหม่ นอกจากนี้ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเลิกทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์มากกว่าจะพบว่าระดับของแนวคิดเผ่าพันธุ์นิยมนั้นลดลงมากที่สุดในระดับของเผ่าพันธุ์นิยมช่วงหกเดือน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงสองสิ่งคือ ประการแรกที่เห็นได้ชัดคือความคิดที่ว่าสัตว์มีความเท่าเทียมกับมนุษย์มากขึ้น อาจทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะกำจัดผลิตภัณฑ์จากสัตว์ออกจากอาหารของพวกเขามากขึ้น ปัญหาคือการทำให้คนคิดว่าสัตว์มีความเท่าเทียมกับมนุษย์มากขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ยากและยังหาคำตอบไม่ได้ด้วยการวิจัย อย่างไรก็ตาม ประการที่สองเป็นขั้นตอนสู่คำตอบนั้น
นักวิจัยและผู้รณรงค์มักอ้างถึงแนวคิดปฏิพากย์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ซึ่งก็คือความคิดที่ว่าหลายคนทานเนื้อสัตว์และเพลิดเพลินกับมัน แต่ไม่เพลิดเพลินกับการคิดว่าสัตว์ถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหาร Faunalytics ได้เขียนเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้และวิธีที่ผู้คนหาเหตุผลเข้าข้างพฤติกรรมที่ขัดแย้งของตนเองหลายครั้ง (เช่น Benningstad & Kunst ปี 2020; Earle ปี 2019; Kunst & Hohle ปี 2016; Piazza ปี 2015; Tian ปี 2016).
เหตุผลที่เป็นไปได้ที่ยากในการโน้มน้าวให้ผู้คนขยายแนวคิดเชิงศีลธรรมของพวกเขาให้ครอบคลุมกับสัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์ นั้นเป็นเพราะแนวคิดปฏิพากย์เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ กล่าวโดยสรุป คนทานเนื้อมีแรงจูงใจอย่างมากที่จะเชื่อว่าสัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์มีความสำคัญน้อยกว่ามนุษย์ เพราะพวกเขาต้องการที่จะทานต่อไป ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าคนๆ หนึ่งจะตัดสินใจเป็น veg*nism ด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมด้านสัตว์ ซึ่งก็ได้มีส่วนในการอธิบาย 80% ของผู้เข้าร่วมของเราที่กล่าวว่า แรงจูงใจที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาคือสุขภาพ สิ่งแวดล้อม หรือสิ่งอื่นที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การเลิกใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ประสบความสำเร็จ หมายความว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลเข้าข้างตนเองอีกต่อไป และอาจมีความเป็นเผ่าพันธุ์นิยมน้อยลงไปอีก ในอีกทางหนึ่ง เราขอแนะนำว่าผู้รณรงค์ควรสนับสนุนให้ผู้คนหันมาเป็น veg*nism ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และช่วยให้พวกเขาคงอยู่อย่างนั้น เพราะเมื่อพวกเขาทำอย่างนั้นสักระยะหนึ่งแล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่จะยอมรับแนวคิดการต่อต้านเป่าพันธุ์นิยม
อิทธิพลเฉพาะ
ความเฉพาะเจาะจงป็นสิ่งสำคัญ ข้อมูลจากการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญไม่เพียงมีแค่เหตุผลในการเป็น veg*nism เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีอิทธิพลเฉพาะหลายอย่างที่ชี้ไปที่แนวคิด veg*nism มีอิทธิพลเชิงบวกที่โดดเด่นที่สุดคือการดูสารคดี การดูสื่อที่ไม่น่าพอใจหรือภาพของสัตว์ในฟาร์ม และการได้รับข้อมูลจากกลุ่มผู้รณรงค์เรื่องสัตว์ ในขณะที่การได้รับข้อมูลจากคนดังและอินฟลูเอนเซอร์ดูเหมือนจะลดความสำเร็จลง โดยทั่วไปแล้วสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้รณรงค์ควรสนับสนุนผู้ที่มีแรงจูงใจอยู่แล้วให้ไปเป็น veg*nism เพื่อทำการวิจัยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการคุ้มครองสัตว์ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพวกเขา พวกเขาสามารถสนับสนุนแรงจูงใจที่พวกเขามีอยู่แล้วด้วยแหล่งข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งสามารถกำหนดกรอบได้อย่างชัดเจนว่าเป็นคำแนะนำที่อ้างอิงอยู่บนหลักฐานเพื่อให้พวกเขามีแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมาย
การทำการวิจัยต่อไปกับคนที่เคยทานอาหารแบบ veg*nism อย่างจริงจัง มากกว่าการที่จะมุ่งเน้นไปที่การหาคนใหม่ๆเพื่อที่จะโน้มน้าวใจนั้นอาจจะมีประสิทธิภาพน้อยลงกว่าเดิม แต่อย่างที่เราทราบจากการวิจัยของ Faunalytics ปี 2014 ผู้คนจำนวนมากที่ล้มเลิกความพยายามที่จะเป็น veg*nism และการที่จะช่วยให้ผู้คนยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นจำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนที่อยู่ในข้อเสนอของผู้รณรงค์ ในระยะสั้น สิ่งนี้สามารถถูกใช้ในการนำเสนอในฐานะของข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นผลดี โดยการสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติม และการแสดงให้เห็นว่าทางเลือกของคนๆหนึ่งสามารถเป็นปรโยชน์ได้ในหลายๆด้าน ในระยะยาวมันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและทำให้ผู้คนยังคงเป็น veg*nism ต่อไป
แรงจูงใจทั่วไป: สัตว์ สิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพ?
แรงจูงใจทั่วไปในการเป็น veg*nism เช่น การปกป้องสัตว์ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม หรือเป้าหมายด้านสุขภาพ จะได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้รณรงค์ การวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีแรงจูงใจด้านจริยธรรมมักจะเป็น veg*nism นานกว่าผู้ที่มีแรงจูงใจด้านสุขภาพ (Faunalytics ปี 2014; Hoffman ปี 2013) อย่างไรก็ตาม ในการวิจัยนี้ที่มุ่งเน้นไปที่ผู้ที่มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิธีการทานอาหาร เราพบว่าแรงจูงใจทั่วไปไม่ได้เป็นตัวทำนายความสำเร็จของแต่ละบุคคลในการปฏิบัติตามการควบคุมอาหารแบบ veg*nism ที่สำคัญ
หากเรามองไปที่การเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็น veg*nism ผ่านเลนส์ของแบบจำลองเชิงทฤษฎี (Bryant ปี 2021) บุคคลจะต้องผ่านหลายขั้นตอน โดยเริ่มจากขั้นตอนก่อนการไตร่ตรอง (พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า veg*nism เป็นทางเลือก) การพิจารณา (พิจารณาที่จะเป็น veg*nism) การเตรียมการ (การตัดสินใจทีจะลองเป็น veg*nism) การกระทำ (พยายามที่จะเป็น veg*nism อย่างสม่ำเสมอ) และการบำรุงรักษา (การหาทางที่จะหลีกเลี่ยงการกลับไปเป็นเหมือนเดิม) กลุ่มบุคคลในการวิจัยของเราได้รับคัดเลือกในระหว่างขั้นตอนการเตรียมการ หรือขั้นตอนการดำเนินการในการเปลี่ยนไปเป็น veg*nism ไม่ว่าจะเป็นคนที่กำลังจะเริ่มต้นหรือคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นก็ตาม
การวิจัยในอดีตและปัจจุบันของเราเกี่ยวกับการคงอยู่และการละทิ้งการเป็น veg*nism แสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจโดยทั่วไปของแต่ละบุคคลมีความสำคัญในขั้นตอนการพิจารณาและการเตรียมการเปลี่ยนแปลงมากกว่าในขั้นตอนการดำเนินการและขั้นตอนการคงอยู่ในภายหลัง เมื่อคุณได้อ่านพาดหัวข่าวว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่เป็นเคยเป็น veg*nism ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากเมื่อเรากำลังพูดถึงคนที่เป็น veg*nism ในระดับที่กำลังจะลองทานอาหารแบบ veg*nism (ขั้นตอนการเตรียมการ) กับผู้ที่เป็น veg*nism ในระดับที่พวกเขามุ่งมั่นที่จะเป็น veg*nism ต่อไป (ขั้นตอนการดำเนินการ)
การวิจัยของ Faunalytics ปี 2014 พบว่า 84% ของ veg*nisms ได้ล้มเลิกความพยายามในการทานอาหารของพวกเขา ซึ่งในที่นี้กล่าวถึงทั้งอาหารมังสวิรัติและอาหารเจ เพื่อเป็นการรวมกลุ่มตัวอย่างที่ได้ลองหนึ่งในอาหารเหล่านั้นในช่วงเวลาของการวิจัย การวิจัยในปัจจุบันซึ่งประเมินอัตราการละทิ้งอยู่ที่ระหว่าง 9% ถึง 43% (ดูที่รายงานฉบับแรก) ซึ่งได้มีการอธิบายว่าเป็นการวิจัยที่จะใช้เวลาหกเดือนตั้งแต่ต้น คำอธิบายนี้น่าจะทำให้ผู้ที่เพียงแค่ต้องการ “ทดลอง” การควบคุมอาหารในการเข้าร่วมเกิดความรู้สึกท้อแท้ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยตั้งใจที่จะควบคุมอาหารเป็นเวลาหกเดือนหรือมากกว่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ละทิ้งการเป็น veg*nism จะสูงกว่ามาก เมื่อเรารวมผู้ที่อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการไม่ใช่แค่เฉพาะผู้ที่มาถึงขั้นตอนการดำเนินการ
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับผู้ที่รณรงค์เรื่องการรับประทานอาหารจากพืช กล่าวโดยสรุปก็คือการใช้ข้อความด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีแต่ควรใช้ควบคู่ไปกับข้อความด้านการคุ้มครองสัตว์ และ/หรือ ข้อความด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้คำว่า“ควร”เพราะสุขภาพเป็นแรงจูงใจหลักที่พบบ่อยที่สุดในการเป็น veg*nism และการส่งข้อความด้านสุขภาพอาจกระตุ้นให้ผู้คนสนใจ veg*nism มากขึ้น อย่างไรก็ตามการวิจัยของ Faunalytics ในปี 2014 พบว่าการที่สุขภาพเป็นแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ดีต่อการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หากคุณมุ่งเน้นไปให้ความสำคัญกับสุขภาพเพียงอย่างเดียว หลายคนที่คุณโน้มน้าวให้ลองเป็น veg*nism อาจไม่ยึดติดกับสิ่งนี้ในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ เราขอแนะนำให้คุณใช้ข้อความด้านสุขภาพร่วมกับข้อมูลที่พูดถึงว่าทางเลือกของผู้คนที่เป็น veg*nism แต่ละคนเลือกส่งผลดีต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมอย่างไร และทำสิ่งนี้ต่อไปในขณะที่พวกเขาเริ่มก้าวแรกในการเดินทางสู่การเป็น veg*nism ตามที่ระบุไว้ในหัวข้อเกี่ยวกับอิทธิพลเฉพาะ วิดีโอเกี่ยวกับความเป็นจริงอันไม่พึงประสงค์ของการทำฟาร์มแบบโรงงาน สารคดี และการพูดคุยกับผู้รณรงค์เรื่องสัตว์ วิธีโดยทั่วไปที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จ โดยไม่คำนึงถึงแรงจูงใจหลักในการเป็น veg*nism
Related Posts
- In The Spotlight
การเป็นวีแกน หรือ มังสวิรัติ: อุปสรรค และกลยุทธ์บน
เส้นทางสู่ความสำเร็จรายงานฉบับนี้ เป็นรายงานฉบับที่สาม และเป็นฉบับสุดท้ายในชุดเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับผลการศึกษาผู้ทานมังสวิรัติและวีแกนรายใหม่ของ Faunalytics - In The Spotlight
Going Vegan Or Vegetarian: Motivations & Influences
The second report from Faunalytics’ longitudinal study of vegetarians and vegans looks at what motivations and influences encourage people to make the switch from meat to meatless. - In The Spotlight
Menjadi Vegan Atau Vegetarian: Motivasi dan Pengaruh
Tujuan dari penelitian ini adalah untuk menyediakan data yang konkrit bagi para advokat tentang bagaimana cara membantu para vegan/vegetarian baru untuk mempertahankan perubahan gaya hidup mereka. Laporan ini adalah laporan kedua dalam seri tiga bagian yang akan keluar dari penelitian ini. - In The Spotlight
Menjadi Vegan Atau Vegetarian: Motivasi dan Pengaruh
Tujuan kajian ini adalah untuk menyediakan data yang kukuh untuk penyokong tentang cara membantu veg*n baharu mengekalkan perubahan gaya hidup mereka. Ini adalah laporan kedua dalam siri tiga bahagian yang akan dikeluarkan daripada kajian ini. - In The Spotlight
Pagiging Vegan o Vegetarian: Mga Motibasyon at Impluwensiya
Ang layunin ng pag-aaral na ito ay ang magbigay ng maaasahang impormasyon sa mga tagapagtaguyod kung paano matutulungan ang mga bagong veg*n na mapanatili ang kanilang bagong lifestyle. Ito ang pangalawang ulat sa serye na may tatlong bahagi na ilalabas sa pag-aaral na ito. - In The Spotlight
Thực hành ăn thuần chay hoặc Ăn chay: Động lực và Sự ảnh hưởng
Mục đích của nghiên cứu này là cung cấp dữ liệu đáng tin cậy cho những người ủng hộ về cách giúp những người ăn chay mới duy trì sự thay đổi lối sống của họ. Đây là báo cáo thứ hai trong loạt ba phần sẽ được đưa ra từ nghiên cứu này. - In The Spotlight
กินมังสวิรัติหรือกินเจ: เส้นทางที่หลากหลายสู่เป้าหมายเดียวกัน
วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้คือการให้ข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับการเปลี่ยน veg*n ระยะสั้นกลายมาเป็น veg*n ระยะยาวหรือถาวรแก่นักรณรงค์ นี่เป็นรายงานฉบับแรกจากอีกหลายฉบับ ที่จัดทำขึ้นเพื่อการศึกษาในครั้งนี้ - In The Spotlight
สวัสดิภาพปลา: เราควรช่วยเหลือใครก่อน?
ในบทความนี้ นักวิจัยจากองค์กร Fish Welfare Initiative ได้ประเมินคุณภาพชีวิตของปลาในฟาร์มหลากหลายสายพันธุ์ เพื่อพิจารณาว่าเราควรมุ่งเน้นความสำคัญและความพยายามด้านสวัสดิการของเราอย่างไร - In The Spotlight
ความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนเกี่ยวกับ ‘ตลาดสด’: มุมมองเอเชีย
ในขณะที่ผู้คนและผู้สนับสนุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับ “ตลาดสด” เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนา การศึกษาจากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) มองว่าผู้คนในประเทศแถบเอเชียรู้สึกอย่างไรกับปัญหานี้ - In The Spotlight
อะไรเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในเอเชีย
ในเอเชีย การเพิ่มความรู้ในอุตสาหกรรม รวมกับกฎระเบียบและรางวัลจากภายนอก เชื่อกันว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปรับปรุงสวัสดิภาพสัตว์ - In The Spotlight
Commodity Veganism: Is Celebrity Endorsement Enough?
A critical examination of how post-feminism potentially depoliticizes and deradicalizes the veg*n movement. What are the implications for advocacy? - In The Spotlight
Infographic: Former and Current Vegetarians/Vegans
This Faunalytics original infographic describes the number of former and current vegetarians and vegans in the United States. It shows that 10% of U.S. adults ages 17 and over are former vegetarians/vegans, while 2% of the adult population are current vegetarians/vegans.
- In The Spotlight
การเป็นวีแกน หรือ มังสวิรัติ: อุปสรรค และกลยุทธ์บน
เส้นทางสู่ความสำเร็จรายงานฉบับนี้ เป็นรายงานฉบับที่สาม และเป็นฉบับสุดท้ายในชุดเนื้อหาที่อธิบายเกี่ยวกับผลการศึกษาผู้ทานมังสวิรัติและวีแกนรายใหม่ของ Faunalytics - In The Spotlight
Going Vegan Or Vegetarian: Motivations & Influences
The second report from Faunalytics’ longitudinal study of vegetarians and vegans looks at what motivations and influences encourage people to make the switch from meat to meatless. - In The Spotlight
Menjadi Vegan Atau Vegetarian: Motivasi dan Pengaruh
Tujuan dari penelitian ini adalah untuk menyediakan data yang konkrit bagi para advokat tentang bagaimana cara membantu para vegan/vegetarian baru untuk mempertahankan perubahan gaya hidup mereka. Laporan ini adalah laporan kedua dalam seri tiga bagian yang akan keluar dari penelitian ini. - In The Spotlight
Menjadi Vegan Atau Vegetarian: Motivasi dan Pengaruh
Tujuan kajian ini adalah untuk menyediakan data yang kukuh untuk penyokong tentang cara membantu veg*n baharu mengekalkan perubahan gaya hidup mereka. Ini adalah laporan kedua dalam siri tiga bahagian yang akan dikeluarkan daripada kajian ini.